4 วิธีที่จะทำให้การใช้ Clubhouse สนุกและได้คุณภาพเสียงที่ดี

NunUpOrShutup
2 min readFeb 21, 2021

ในช่วงที่กำลังเขียนบล็อกนี้นั้น กระแส Clubhouse มาแรงจริงๆ แค่เพียงช่วงเสี้ยววินาทีที่ Elon Musk ตบเท้าเข้าไปใช้งาน ก็สามารถสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก ทำให้ยอดดาวโหลดทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในประเทศไทยที่เพียงไม่กี่วัน มีคนเข้ามาใช้แอพนี้เรียกได้ว่าอุ่นหนาฝาคั่งกันเลยทีเดียว เนื่องจากตัวแอพพลิเคชั่นโดยพื้นฐานแล้วใช้เสียงเป็นหลัก และรันในระบบปฏิบัติการ iOS เท่านั้น!!! Android รอไปก่อนน่ะจ๊ะ ทำให้หลายๆคนก็คงอดสงสัยไม่ได้ว่าการที่จะเปิดห้องสัมนาใน clubhouse ให้มีคุณภาพเสียงที่ดีนั้น จำเป็นที่ต้องมีองค์ประกอบและอุปกรณ์อะไรบ้าง วันนี้บล็อกนี้มีคำตอบ โดยจะแบ่งเป็น สำหรับบุคคลทั่วๆไปที่เข้ามาฟังและร่วมวงสนทนา กับในส่วนของนักจัดรายการเพลงไม่ว่าจะเป็น DJ หรือ Music Creator ที่กำลังมองหาช่องทางแสดงผลงานผ่านเจ้าแอพตัวนี้มาฝากกัน ซึ่งในพาร์ทนี้ค่อนข้างที่จะต้องเล่นแร่แปลธาตุกันพอสมควรเลยทีเดียว อุปกรณ์ก็จะดูรุงรังกว่าการใช้งานทั่วๆไป

อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ต้องไปตามล่าหามานั่นก็คือ อุปกรณ์เสริมชิ้นหนึ่งทีบางคนอาจจะมี หรือบางคนทำหายไปแล้ว นั่นก็คือ เจ้า Lightning to 3.5mm Headphone Jack Adapter หัวแปลงหัวแจ็คหูฟังแบบสามขีดให้เป็นหัว Lighting นั่นเอง เพื่อเชื่อมต่อกับ iphone/ipad โดยเฉพาะ ถ้าหามาได้แล้วรับรองมันจะสนุกขึ้นอย่างแน่นอน อย่ารอช้าเรามาดูกันเลยดีกว่า

1.Wireless Headphone/Earphone พวกหูฟังไร้สายทั้งหลายในท้องตลาดนั่นแหละ ส่วนใหญ่จะมี Microphone build-in ไม่ว่าจะรุ่นไหนยี่ห้ออะไรก็แล้วแต่ สามารถใช้ได้หมดเลย ไม่ว่าจะเข้าไปเพียงเพื่อฟังการสัมมนาอย่างเดียวหรือต้องการสนทนาด้วยก็สามารถทำได้ ยิ่งถ้าเป็นตละกูล Airpods หมดห่วงไปได้เลย สำหรับการใช้งานทั่วไปนั้นไม่ยาก เพียงแค่เชื่อมต่อผ่านระบบ Bluetooth แค่นี้ก็ใช้งานได้แล้ว

2.ในกรณีที่ต้องการเชื่อมต่อการใช้งานกับอุปกรณ์อย่างอื่น เช่น หูฟัง Small Talk/ Gaming Headphone (ใช้สาย Y Splitter) หรือ Microphone แบบ Lavalier (ไมค์ติดปกเสื้อ) สามารถใช้ได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องต่อกับ Lighting Adpter ก่อน แต่เจ้าไมค์ Lavalier ก็อีกแหละ ไม่ใช่เอะอะจะไปซื้อมาแล้วเสียบใช้ได้เลย ต้องเป็นสายที่มีหัวเชื่อมต่อแบบ 3.5mm แบบสามขีด(TRRS)ด้วยน่ะ ทำไมหนะหรือ ก็ถ้าไปซื้อแบรนในท้องตลาดส่วนใหญ่จะเป็นแบบสองขีด(Stereo) ซึ่งต้องซื้อสายแปลงให้เป็นแบบสามขีดก่อนที่จะมาต่อกับสาย Lighting อีกที แถม!!! ใช้พูดได้อย่างเดียวด้วยน่ะ ฟังไม่ได้เพราะระบบมันเจอแค่ไมค์ไง อ้าว!!! แล้วทำไงล่ะถ้าอยากฟังเสียงสนทนาและสามารถพูดให้ได้เสียงที่ดีด้วย แนะนำให้ลองไปหา iRig Mic Lav ของแบรน IK Multimedia ที่ตัวไมค์มีสายหัวแบบสามขีด ขนาด 3.5mm พร้อมมีกล่องเล็กๆติดกับสายที่มีรูอันนึงที่สามารถปรับการใช้งานให้สามารถต่อไมค์เพิ่มได้หรือต่อหูฟังเพื่อให้เราสามารถฟังเสียงได้อีกด้วย ถือเป็น Solution ที่ง่ายและดีสุดทางหนึ่ง ณ เวลานี้ หรือไม่งั้นต้องหาซื้อ Adapter แปลงให้เป็น USB Type C แล้วต่อเข้า ipad ก็ได้เหมือนกัน

https://www.ikmultimedia.com

แล้วจะเอาเสียงดีไปทำไม? ก็เพราะ Microphone build-in ที่อยู่ในตัวหูฟังส่วนใหญ่หรือใน small Talk จะให้ย่านเสียงที่คล้ายๆกับเสียงตอนที่เราคุยโทรศัพท์ ก็คือย่านเสียง Mid range หรือที่ 500 Hz — 1.5kHz (เผลอๆจะแคบกว่านี้ด้วยซำ้) เสียงก็จะแห้งๆ แข็งๆหน่อย ซึ่งแน่นอน มันไม่ใช่ปัญหาหนักหนาเท่าไร่นัก ถ้าเพียงใช้เพื่อการสื่อสารทั่วๆไป แต่สำหรับคนที่ต้องการเสียงพูดที่ชัดเจน จนถึงขนาดสามารถใช้ร้องเพลงได้นั้น อาจจะต้องพิจารณาอุปกรณ์อย่างที่ว่าไป

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ระบบแอพและตัว iphone เองยังไม่สามารถรองรับ Microphone แบบ Condenser และ USB Condenser พูดง่ายๆ ไมค์ที่ต้องใช้ไฟ 48v ในการทำงาน ส่วน Microphone แบบ Dynamic สามารถต่อใช้งานได้ ซึ่งจะพูดในข้อถัดไป

3. Microphone แบบ Dynamic ที่มีการต่อสายสัญญาณแบบ XLR สามารถใช้ได้แต่ต้องมีการเล่นแร่แปลธาตุกันเสียเล็กน้อย โดยต้องใช้อุปกรณ์ดังต่อไปนี้

สาย XLR to mini jack stereo(สองขีด)

iRig 2 mini interface จาก แบรน IK Multimedia

หัวแปลงแบบ 3.5 to 6.3 Adapter

ส่วนการเชื่อมต่อสามารถเข้าไปดูในคลิปที่แนบมาได้เลย

https://www.ikmultimedia.com

4. สำหรับคนที่อยากจัดห้องเล่นดนตรี หรือทำคล้ายๆ Podcast ที่สามารถส่งสัญญาณที่มากกว่าแค่เสียงพูดเสียงเดียวหรือเสียงเพลงอย่างเดียวเข้าไปในแอพนี้ ต้องบอกก่อนเลยว่าตัวแอพยังไม่รองรับการใช้งานในลักษณะนี้มากนัก การที่ Host ของห้องสัมมนามีหลายท่าน เปิดเพลงไปด้วย มี SFX ในระหว่างจัดอีก อาจทำให้มี Feedback หรือ Loopback (เสียงพูดตัวเอง)ย้อนกลับเข้ามาได้หรือเสียงเพลง/SFX เบาจนแทบไม่ได้ยิน ซึ่งยังคงเป็นข้อจำกัดของแอพนี้ ที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่ในอนาคตนั้นก็ไม่แน่ และต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มขึ้น ต้องมีการหาสายสัญญาณแบบแปลกๆ ซึ่งต้องสั่งทำในบางกรณี ซึ่งไม่ขอกล่าวไว้ในที่นี้ เพราะค่อนข้างซับซ้อนจะทำให้เนื้อหายาวและไม่เห็นภาพ ถ้าถามว่าทำได้ไหม ทำได้แน่นอน แต่ต้องยอมรับข้อจำกัดเท่านั้นเอง

แต่ถ้าเป็นการเปิดเพลง เล่นเครื่องเล่น DJ หรือ ร้องเพลงเล่นดนตรีทั่วๆไปสามารถทำได้ ไม่ติดขัด ในส่วนตัวอุปกรณ์นั้น จะคล้ายๆ ข้อสาม แต่ต้องมี Mixer ที่เอาไว้รวมสัญญาณเสียงหลายๆสัญญาณทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน และต่อผ่าน iRig 2 จากนั้นแปลงอีกทีให้เป็นหัว Lighting แล้วจึงต่อเข้ากับ iphone/ipad สามารถดูวิธีการต่อได้ใน Link ที่แนบมาได้เลยเพื่อความรวดเร็ว

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ 4 วิธีการใช้อุปกรณ์กับแอพพลิเคชั่น Clubhouse หวังว่าบทความชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่ต้องการใช้งานในอีกระดับหนึ่ง เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและน่าติดตาม พร้อมทั้งทำให้คุณภาพเสียงดีขึ้นอีกด้วย ยังไงก็ลองหามาใช้งานกันดูน่ะครับ

--

--

NunUpOrShutup
0 Followers

I write a variety of shit from my experiences and what I’m interested in at the moment. Money, Relationship, Human Psychology, Entertainment. You name it! XOXO